Wednesday, July 30, 2008

20080717 Brisbane 2




Jamie and Eric took me to the mt. Coot-tha and Kangaroo cliff pt. at night. It's very beautiful. And we had hot chocolate and a big piece of cake as well. :)

Then I went to the South bank again on 18 July at day time.

The next album, I will show you about last album that has many pictures from zoo and the Gold-Coast.

20080714 Brisbane 1




My first trip to Australia was very nice. Jamie who works for AusCERT and my best friend took me visiting around Brisbane.

In this album, I visited UQ (University of Queenlands, which AusCERT is situate) and then I went to the South Bank in the evening.

Saturday, July 12, 2008

กลอนประจำวันที่ 11 กรกฎาคม 2551

เมื่อวานไปรับปริญญาแล้วต่อด้วยจิบเบียร์ที่สวนลุมไนท์บาซาร์ เหอๆๆๆ

ถึงฝั่งฝันวันนี้ที่คอยท่า
มุ่งอุตส่าห์พากเพียรเรียนหนังสือ
ได้ปริญญามาอยูู่ในกำมือ
อย่าหยุดยื้อความฝันพลันก้าวไป

ส่งให้อ.แล้วอ.ไม่ได้แก้ให้แต่อย่างไรอ.ก็ส่งกลอนมาให้

เรียนวิชาว่าไปไม่เหนื่อยหนัก แต่เรียนรักยากกว่าน่าหวั่นนไหว
กว่าจะรู้ผู้หญิงยิ่งข้องใจ
รักแบบใดไม่อยากคิดให้จิตตรม

Thursday, July 10, 2008

กลอนประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2551

วันนี้คิดกลอนไม่ออก โดนอ.แต่งกลอนมายั่วโมโห ฮ่าๆๆ เลยแต่งได้เลย

กลอนของอ.ผมนะ ที่ท่านส่งมายั่ว

น่าเศร้าใจกลอนไหนหาไม่พบ
เป็นจุดจบของกวีที่มุ่งหวัง จะแต่งกลอนทุกวันน่าขันจัง จุดหมายยังห่างไกลถ้าไม่เพียร 

สงสารชายวัยฉกรรจ์ฝันไม่ออก
หรือช้ำชอกถึงดวงจิตเลิกขีดเขียน หากโด๊ปยาก็กลัวว่าใจวิงเวียน กลับไปเรียนรักใหม่ดีไหมโน้ต

======================
ผมเลยล่อคืนบ้าง

ฤๅกวีที่หวังพังสิ้นแล้ว
ความแน่แน่วแค่ไหนไม่เหลือหลอ
อาจต้องรอสักวันจึงดีพอ
อย่างไรก็อย่าอู้สู้ต่อไป

บทนี้อ.แก้ 2 ท่อนสุดท้าย

อาจจะมีสักวันหนึ่งซึ่งดีพอ อย่าพึ่งท้องอมือเท้าก้าวต่อไป


บทที่ 2 ที่ผมแต่งอย่างเร็ว

อาจไม่รู้ขอเพียงแต่แค่ใจสู้
ตั้งใจดูเรียนรู้เร่งขีดเขียน
อ่านหนังสือสร้างสมองอย่างหมั่นเพียร
เพื่อจุดเทียนในหัวตัวเราเอย

แต่อ.แก้เป็น

แม้ไม่รู้ขอเพียงแต่แค่ใจสู้ ศิษย์มีครูกูไม่เกรงเร่งอ่านเขียน เปิดตำราลับสมองตรองพากเพียร แล้วจุดเทียนส่องใจไม่ยอมกลัว

สรุปผลการแต่งกลอนในวันนี้ ผมยอมแพ้แต่โดยดี พรุ่งนี้เอาใหม่ เหอๆๆ

Wednesday, July 09, 2008

การแข่งขันความจำชิงแชมป์ประเทศไทย

หลายคนคงได้อ่านบันทึกเหตุการณ์ของผม คงจะสงสัยว่า Thailand Open Memory Championships นี่คืออะไร

ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่มีความจำสั้นมาก ขนาดไปทานข้าวเอากระเป๋าไปด้วย ยังต้องสะพายไว้เลย เพราะลืมเป็นประจำ แต่การพบกับอ.บุญเกิด ธรรมวาสี ผู้แต่งหนังสือเรื่อง วิธีจำประทับใจ ผมก็ได้ยึดให้ท่านได้เป็นโค้ชเลย ผมต้องฝึกฝนพอสมควร และเปลี่ยนกระบวนการคิด กระบวนการจำ จนพร้อมที่จะเข้าแข่งขันในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าตอนนี้ผมยังไม่เก่งมากนัก แต่ผมก็พยายามปูพื้นฐานกระบวนการจำของผมมาระยะนึงแล้ว และพร้อมจะเดินหน้าต่อไป เพื่อเอาแชมป์มาให้ได้

Thailand Open Memory Championships หรือ TOMC เป็นการแข่งขันความจำชิงแชมป์ประเทศไทย เป็นกีฬาทางด้านสมองสักหน่อย ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีแรก ในวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา ณ ม.หอการค้าไทย โดยใช้กติกาเช่นเดียวกับ World Memory Championships หรือการแข่งขันความจำชิงแชมป์โลก กติการค่อนข้างหินพอดูเลยครับ การแข่งขันครั้งนี้แบ่งออกเป็นสองรุ่น คือรุ่นเด็ก อายุต่ำกว่า 18 ปี ใช้โจทย์เพียงแค่ 6 หมวดในการแข่งขัน และรุ่นทั่วไป อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป (ไม่ได้เกี่ยวกับดาวน์โหลดหนังโป๊นะครับ) ใช้ 10 หมวดการแข่งขันดังนี้

1. คำเร็วแบบสุ่ม ให้คำมาซึ่งเป็นทั้งนามธรรมและรูปธรรม ผู้เข้าแข่งจะต้องตอบเรียงตามลำดับที่โจทย์กำหนด
2. เลขฐานสอง ให้จำเลขฐานสอง 0 1 แถวละ 30 ตัว จำนวน 25 แถว
3. จำชื่อและหน้า เหมือนเกมส์ทศกัณฑ์ จำหน้าและชื่อคนต่างๆ
4. จำเลข 15นาที ให้เวลา 15 นาทีในการจำเลขแถวละ 40 ตัว 25 แถวเช่นกัน
5. จำปี โจทย์กำหนดปีพ.ศ. และเหตุการณ์แปลกๆให้ แล้วให้ตอบ
6. จำไพ่เร็ว ให้เวลา 5 นาทีจำไพ่ เรียงลำดับว่าได้กี่ใบ
7. จำภาพนามธรรม ในเวลา 15 นาที ให้จำรูปภาพที่ดูไม่ค่อยออกว่าเป็นรูปอะไร และตอบว่าภาพในเป็นภาพที่ 1
8. จำเลขเร็ว เวลา 5 นาที จำเลขได้เท่าไหร่
9. อ่านออกเสียงตัวเลข อ่านตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ เว้นระยะห่าง 1 เลข ต่อ 1 วินาที จนครบ 100 และ 200 ตัว และตอบ
10. จำไพ่ 10 นาที เวลา 10 นาที จำไพ่ได้เท่าไหร่

กติกาและรายละเอียดเพิ่มเติมไปดูได้ที่เว็บ http://www.jumkeng.in.th

ผลการแข่งขันออกมาแล้ว คือผมได้รองแชมป์ แพ้กันไม่กี่แต้ม แต่น่าเสียดาย ผมรู้แล้วครับ ว่าผมยังขาดอะไรบ้าง ผมยังคงต้องฝึกซ้อมต่อไป แผนการฝึกซ้อมของผมที่ได้วางแผนไว้มีดังนี้

1. แต่งกลอนทุกวัน อย่างน้อยวันละบทถึง 2 บท
2. ฝึกใช้ระบบหัวหมุดให้คล่อง และเพิ่มเขี้ยวเล็บในการฝึกระบบการเดินทางด้วย
3. จำหมายเลขโทรศัพท์ที่อยู่ในเครื่องผมให้ครบ และสามารถดึงกลับให้คล่องขึ้น
4. สำคัญมาก ในการฝึกสมาธิ

เท่านี้ก่อน หลังจากฝึกจนชินแล้วค่อยเพิ่มความยากต่อไป

หมายเหตุ ดูภาพบรรยากาศในการแข่งขันได้ที่ http://www.flickr.com/photos/thongchai_rojkangsadan

เริ่มต้นด้วยของวันนี้เลยครับ กลอนยิ้มๆ
วันนี้ตั้งใจแต่งกลอนที่บอกความหมายของการยิ้มแต่ละแบบครับ

พูดถึงยิ้มมีมากมายอยู่หลายหลาก
ยิ้มเม้มปากยั่วยวนชวนหลงใหล
ยิ้มกว้างๆเขาบอกชอบเปิดใจ
มองโลกใสคือชอบยิ้มหยีตา
แปรปรวนบ่อยไม่เต็มใจใช้มุมปาก
เข้าใจยากยิ้มเม้มปากเป็นนิสัย
ยิ้มเยือกเย็นเด่นดีมีน้ำใจ
ยิ้มอย่างไรยิ้มไว้เถิดเกิดผลดี

Wednesday, July 02, 2008

เขากับขา

เมื่อหลายปีก่อนผมมีโอกาสได้ไปวันสวนโมกข์ จังหวัดสุราษธานี ผมชอบวัดแห่งนี้มาก โดยเฉพาะมีหอที่รวมภาพเขียนเกี่ยวกับธรรมะบนฝาผนัง ผมไม่แน่ใจว่าชื่อหออะไร แต่ผมจะขอเรียกว่าหอดวงตาแห่งธรรมแล้วกันนะครับ เอิ๊กๆ ตอนที่ผมไปนั้น มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ท่านอธิบายภาพต่างๆให้ฟัง บ้างภาพก็ฟังเข้าใจง่าย แต่บางภาพก็ยากจะทำให้สมองอันน้อยนิดของผมเข้าใจได้ เหอๆ แต่ที่ผมประทับใจเรื่องนึง คือเรื่อง เขาและขา

เรื่องมีอยู่ว่า ....

ลูกกวางตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าลึกแห่งหนึ่ง ต่อมาไม่นานกวางตัวนี้ได้เติบใหญ่ และมีเขาที่สวยงามงอกจากศรีษะของมัน มันภูมิใจ รักและหวงแหนเขาของมันมาก อยู่มาวันหนึ่งนายพรานผู้หนึ่งออกล่าสัตว์ตามปกติ ได้ผ่านมาพบกับกวางตัวนี้เข้า นายพรานจึงต้องการที่จะล่ากวางตัวนี้ จึงได้วางกับดักไว้ตามพื้นของป่า จากนั้นจึงออกล่ากวางดังกล่าว เจ้ากวางน้อยรู้ซึ้งถึงพยันต์อันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ทันใดนั้นเองเสียงปืนของนายพรานดังขึ้น "ปัง" แต่ทว่ากระสุนนั้นเกือบจบชีวิตกวางได้ อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้รู้ว่าเจ้ากวางจะอยู่เฉยไม่ได้ ต้องวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด มันวิ่งหนีนายพรานอย่างไม่คิดชีวิต อย่างไม่ลดละ แต่ทว่าเจ้ากวางวิ่งหนีมาเจอทางแยกจนได้ ทางที่หนึ่งเป็นทางที่มีเถาวัลย์ กิ่งไม้น้อยใหญ่ยื่นออกมา ซึ่งถ้ามันวิ่งไปทางนี้เขาของมันที่สวยงามก็จะต้องเสียหายอย่างแน่นอน แต่อีกทางเป็นทางที่มันเองรู้ดีว่านายพรานได้วางกับดักไว้หมดแล้ว อีกครั้นถ้าหากวิ่งกลับหลัง ก็คงจะถูกนายพรานยิงเสียแน่แท้

กวางตัวนี้จะเลือกทางไหนดี และถ้าเราเป็นกวางเราจะเลือกทางไหนดี

กวางตัวนี้เลือกที่จะไปทางที่มีเถาวัลย์ และกิ่งไม้มากมายโดยไม่สนใจเขาของมัน แน่นอนครับ มันเป็นทางเดียวที่จำให้มันอยู่รอดได้ต่อไป

จากนิทานเรื่องนี้ พระท่านต้องการจะสื่อว่า กวางทุกตัวเกิดมามีขา ขามีประโยชน์ต่อเรามาก ติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิด แต่เขาสิ เพิ่งมาอยู่กับเราเมื่อเราโตแล้ว ถ้าหากขาดขาไป เราก็เดินไม่ได้ เราก็จะโตจนมีเขาไม่ได้ ซึ่งก็เปรียบเหมือนบิดามารดา ญาติพี่น้องต่างๆ ถ้าไม่มีเขาแล้วเราก็อาจจะไม่โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเหมือนในวันนี้ แต่เขาหน่ะเปรียบเหมือนแฟน ที่แต่ก่อนเราไม่มีเขาก็ยังอยู่ได้ แต่พอวันนึงที่ต้องเสียเขาไป ทำไมเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หล่ะ ถ้าจะให้เลือกเสียเขาหรือขา เราคิดว่าควรจะเลือกเสียอะไรดีครับ