หลังที่เราได้รู้จักคณะเดินทางแล้ว http://foh9.multiply.com/journal/item/38/38 ตอนนี้เราจะมาดูว่าเมื่อวานนี้คณะทัวร์ลูกผสมระหว่าง OIC และ ริวได ไปทำไรมาบ้าง
11 ตุลาคม 2552
วันนี้เป็นวันที่ตื่นสาย ฮ่าๆๆ และตื่นมาพร้อมกับข้อมูลพยากรณ์อากาศว่าฝนจะตก ทำให้จิตใจของผมก็พะว้าพะวงทันที เนื่องจากต้องพาพี่นิกร(Nikon)ไปออกศึก กลัวพี่นิกรไม่สบาย แล้วผมจะแย่ไปด้วย เวลา 9.20น. ผมกับพี่อุออกมาจาก Front B เมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆสีเทา แสงแดดยังมิอาจจะเบียดตัวเองสอดแทรกทะลุผ่านชั้นความหนาของเมฆมากระทบพื้นดินได้เลย ผมก็พลางคิดไปว่าเมฆทำไมช่างใจร้ายกับผมจัง ทำไมไม่ให้ความหวังกับผมที่จะได้ถ่ายภาพอย่างสบายใจบ้าง เวลา 9.35 น. รถบัสสาย 97 วิ่งมาแต่ไกล และตรงเวลานัดหมายของทางนักศีกษาไทยในม.ริวไดบอกมาเป๊ะ ผมไม่รอช้า สวมวิญญาณนักขึ้นรถเมล์แห่งกรุงสยาม โบกรถเมล์ทันใด ฮ่าๆ รถเมล์คันนี้บรรทุกผู้ร่วมเดินทางสู่สมรภูมิรบด้วย ซึ่งประกอบด้วย อาร์เธอร์ น้องหนิง พี่ไม้ และ น้องอุ้ง จากนั้นไม่นานนักรถเมล์ก็มาถึงถนนโคคุไซ ยังเม้าท์กันบนรถไม่หนำใจเลย ลงที่ป้ายมากิชิ (Makishi) จากนั้นเราก็แวะไปถ่ายรูปที่ศาลเจ้ามากิชิ ซึ่งตรงนั้นคณะที่จะร่วมในขบวนพาเหรด และงานชักเย่อนั้นต้องมาทำพิธี
หลังจากหยุดพักถ่ายรูปเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอแล้ว คณะทัวร์ก็เริ่มออกเดินทางต่อ (จริงๆแล้ว เพราะหัวหน้าคณะทัวร์หิว เลยจะพาไปหาไรกินกัน) เหอๆ ระหว่างทางนั้นอาร์เธอร์ก็ได้แนะนำสินค้าต่างๆ ที่ถูกจำหน่ายในร้านค้าต่างๆ บนถนนสายนี้ ควรจะซื้ออะไรบ้าง อะไรน่าซื้อ เดินไปเรื่อยๆจนถึงหน้าตลาด Heiwa ผมกับพี่อุเรียกว่าตลาดสด ลักษณะเหมือนกับตลาดสดบ้านเราเลยอ่ะครับ จะเห็นอาซิ้ม อาม่า คนแก่ๆ เดินไปเดินมากันให้ควับ ขายของที่ระลึก เสื้อผ้า ถ้าเราไปตามตลาดต่างจังหวัดก็จะรู้สึกได้เช่นกันครับ คณะทัวร์แวะพักทานโชกิโซบะ อร่อยราคาย่อมเยาว์ที่ร้านอินากะ (แปลว่าบ้านนอก) โชกิโซบะเป็นโซบะที่ใส่กระดูกหมูตุ๋นที่รสชาติหอมหวานมาก กระดูกหมูที่เปื่อย เมื่อเอาเข้าปากราวกับว่ากระดูกหมูชิ้นนั้นละลายหายไปในปากเลย หยุดพักกินกันไม่นานเราก็ไปเดินต่อไปยัง Tsuboya ไกด์อาร์เธอร์เรียกว่า ชุมชนด่านเกวียน เหอๆ เป็นแหล่งรวมศิลปินต่างๆ ที่มาบรรจงรังสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆในย่านนี้ พอออกมาจาก Tsuboya เราก็ได้พบกับคณะลูกทัวร์สองคนสุดท้าย คือพี่ปุ้มและพี่ตึก
ออกมาจากตลาด Heiwa ก็จะมาพบกับขบวนพาเหรดต่างๆ ซึ่งในขบวนนั้นจะประกอบไปด้วยหลายๆกลุ่ม หรือคณะ ที่จะเข้าร่วมพิธีในตอนบ่ายนี้ (และเราก็ได้พบกับพวกเขาบ้างแล้วในตอนทำพิธีที่ศาลเจ้าตอนเช้า) แต่ละคณะนั้นก็งัดการแสดงโชว์ของตนออกมา บ้างก็โชว์คาราเต้ เด็กบ้าง ผู้ใหญ่บ้าง หรือแม้แต่ฝรั่งเองก็ยังมี แต่ที่น่าสนใจคือการยกเสาไม้ไผ่สูงราวสิบเมตร (ผมไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าอะไรนะครับ รอคุณอาร์เธอร์มาไขความกระจ่างแระกัน) ยกทีละคนสลับกันไป โดยมีข้อแม้ว่าห้ามให้ไม้ไผ่นั้นล้มเด็ดขาด เพราะถือว่าจะนำมาซึ่งความโชคร้าย ขณะที่ขบวนพาเหรดเดินอยู่นั้น คณะลูกทัวร์เราก็ถ่ายรูปกันอย่างเมามันส์ ส่วนฝนเองก็เริ่มตั้งเค้าว่าจะตก จากนั้นไม่นานฝนก็เริ่มลงเม็ด ผมเองไม่รอช้าคว้าถุงพลาสติกออกมาคลุมพี่นิกรอย่างทันควัน (ฮ่าๆ กลัวพี่นิกรป่วย นวัตกรรมชั้นยอดจากเมืองไทย) แล้วเราก็ไปหลบฝนกันที่ Starbucks สั่ง Creme Brulee ที่น้องหนิงแนะนำมากินอย่างสบายใจ เอิ๊กๆๆ
ตอนต่อไปจะได้เข้าสู่สมรภูมิรบศึกชักเย่อเชือกยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก
ดูภาพเพิ่มเติมได้ที่
http://foh9.multiply.com/photos/album/95/
http://foh9.multiply.com/photos/album/96/
3 comments:
มาตอบให้เลยครับ ธงนั้นชื่อว่า Hatagashisa เป็นธงประจำหมู่บ้านหรือองค์กร ที่ต่างผัดเปลี่ยนคนคอยยกหรือชูให้ตั้งไว้ไม่ให้ล้มลงครับ เป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณของชนชาวริวกิวนั่นเอง
สวัสดีค่ะ เข้ามาศึกษาข้อมูลที่พี่ไปโอกินาวาน่ะค่ะ พอดีจะไปที่นั่น วันที่ 23 พ.ย. - 10 ธ.ค. 53
ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ขอโทษนะครับ ที่ผมเพิ่งเห็นคอมเม้นต์ ไปทำอะไรเหรอครับที่นั่น
Post a Comment