Tuesday, October 02, 2012

ตีแผ่...แก๊งค์แชร์ลูกโซ่

*** บทความนี้ผมเขียนขึ้นจากข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ข่าว และเว็บบอร์ด รวบรวมไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ โปรดใช้วิจารณญาณของตนเอง และเพื่อต้องการสร้างความตระหนักแก่ผู้อ่านทุกท่าน ไม่ได้มีเจตนาทำลายชื่อเสียงของบุคคลหรือหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น***

*** ธุรกิจขายตรงที่ดี และถูกกฎหมายก็มีเยอะนะครับ โปรดอย่านำบทความนี้ไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ดีเหล่านั้น ***

เมื่อเดือนก่อนผมได้มีโอกาสดูข่าวเกี่ยวกับการแฉขบวนการแก๊งค์แชร์ลูกโซ่ โดยอาศัยธุรกิจขายตรงบังหน้า ทำให้เหยื่อสูญเงินหลายแสนบาท แต่ได้ผลตอบแทนนิดเดียว ซึ่งตรงข้ามกับที่เขาโฆษณาชักชวนให้เหยื่อมาร่วมในธุรกิจ ใครสนใจคลิปข่าวดังกล่าวก็สามารถดูได้ด้านล่างนี้ครับ อยากให้ดูโดยเฉพาะช่วงนาทีที่ 27:09 ผู้เป็นเหยื่อได้ออกมาเปิดโปงขบวนการ

 

จากคลิปเหยื่อได้ออกมาเปิดเผยหมดแล้วนะครับว่ารูปแบบการหลอกลวงที่เขาใช้เป็นอย่าง แต่ผมจะขอนำมาเล่าสั้นๆ เผื่อบางคนไม่มีโอกาสได้ดูคลิปข่าวข้างต้น อย่างไรก็ตามผมอยากให้ทุกท่านชมคลิปก่อนนะครับ

ลักษณะธุรกิจแชร์ลูกโซ่เป็นอย่างไร

ธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่เน้นการเชิญชวนเหยื่อให้สมัครเป็นสมาชิกและร่วมลงทุนกับบริษัท โดยเสนอแผนการตลาดที่น่าตื่นเต้นและได้รับผลตอบแทนสูงมากในช่วงเวลาสั้นๆ โดยที่วิวัฒนาการแชร์ลูกโซ่ในปัจจุบันอาศัยรูปแบบธุรกิจขายตรง (Multi-Level Marketing: MLM) ซึ่งในหลายบริษัทอาจใช้คำอื่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น การตลาดแบบระบบเครือข่าย (Network Marketing) และแชร์ลูกโซ่บางแห่งในปัจจุบันแฝงตัวอยู่ในธุรกิจแฟรนไชส์อีกด้วย

ลักษณะสำนักงานของบริษัทประเภทนี้ ส่วนมากมักจะเช่าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่ตกแต่งสวยงามให้ดูน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ยังมีการจ้างพนักงานมานั่งทำงาน หรือบางครั้งอาจเป็นไปได้ว่าพนักงานที่ถูกจ้างมายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริษัทที่จ้างตนมานั้นทำธุรกิจอะไร รูปแบบการทำงานของธุรกิจแชร์ลูกโซ่เน้นการหาสมาชิกเพื่อมาร่วมลงทุนตามแผนธุรกิจ ซึ่งส่วนมากลักษณะแผนธุรกิจของบริษัทประเภทนี้แทบจะไม่ต่างกัน แต่จะอาจเปลี่ยนแค่รูปแบบโดยใช้สินค้าหรือบริการที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงการซื้อขายสินค้าเป็นเครื่องบังหน้าเพื่อเลี่ยงกฎหมายเท่านั้น

เนื่องจากสินค้าราคาสูงเกินความเป็นจริงมาก ทั้งนี้ เพราะราคาสินค้าดังกล่าวเป็นค่าตอบจากการพาคนมาเข้าเป็นสมาชิกนั่นเอง ยิ่งใครสามารถขยายเครือข่ายของตนได้ยาวเท่าผลตอบแทนจะเพิ่มเป็นเงาตามตัว สมาชิกที่มาก่อนจะถูกหลอกโดยให้ได้รับผลตอบแทนเป็นจำนวนเงินที่สูง เพื่อจูงใจให้ลงทุนเพิ่มและชักชวนคนใหม่ๆ มาร่วมลงทุนด้วย ดังนั้นเครือข่ายจึงขยายออกไปเป็นลูกโซ่อย่างรวดเร็ว กิจกรรมธุรกิจส่วนใหญ่เน้นไปที่การจัดประชุมสัมมนาที่น่าเชื่อถือ เพื่อจูงใจคนสมัครเป็นเครือข่ายหลังจากได้ฟังบรรยายแต่กลับไม่เน้นการนำเสนอตัวสินค้าและบริการแต่อย่างใด

กลวิธีชักชวน หาเหยื่อ

เอาหล่ะครับ ตอนนี้ลองมาดูกระบวนการการทำงานของขบวนการ หรือรูปแบบการหลอกล่อ เริ่มต้นด้วยการเชื้อเชิญผ่านทางอินเทอร์เน็ต (เช่น เครือข่ายสังคมออนไลน์ เปิดเว็บไซต์ และอีเมล์ เป็นต้น) ซึ่งเป็นวิธีการกระจายข้อมูลที่มีต้นทุนต่ำและแพร่กระจายอย่างรวดเร็วที่สุด

เนื้อความการชักชวนเหยื่อนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคำพูดในลักษณะลงทุนต่ำ รายได้สูง หรือยกตัวอย่างว่าคนนั้นคนนี้มีความสำเร็จในการร่วมธุรกิจ และยังเพิ่มความดึงดูดด้วยรูปเด็กวัยรุ่นกำลังถือเงิน หรือถ่ายรูปคู่กับสิ่งของที่มีลักษณะราคาแพง เช่นรถสปอร์ต หรือแม้กระทั่งรูปเช็คสั่งจ่ายคนเชิญชวนอีกด้วย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นให้เหยื่อเกิดความโลภ จนเกิดความสนใจในการเข้าร่วมด้วย จากภาพที่ 1 จะเห็นว่ารูปแบบการยั่วความโลภของเหยื่อมากมาย

รูปที่ 1 แสดงรูปที่ถูกนำมาใช้ในการชักชวนเหยื่อให้เข้าร่วม

หากเหยื่อหลงเชื่อจะต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้ ทำให้ผู้ร้ายจะโทรศัพท์หรือติดต่อมาให้เราไปฟังหรือเข้าร่วมกระบวนการได้ ถ้าหากเหยื่อไม่ไปจะมีการข่มขู่ทำร้าย หรือด่าทอด้วย จากนั้นเมื่อเหยื่อที่หลวมตัวไปยังสถานที่นัดของแก๊งค์แชร์ลูกโซ่เหล่านี้ เขาจะมีการบรรยายเกี่ยวกับการทำธุรกิจขายตรง โดยหยิบยกผลตอบแทนจำนวนเงินให้ดู เพื่อกระตุ้นให้เหยื่ออยากร่วมธุรกิจด้วย

เมื่อเหยื่อจะร่วมทำธุรกิจก็จะต้องชำระเงินค่าสมัครที่ค่อนข้างแพงราวๆ 40,000 - 50,000 บาท ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบของการซื้อสินค้าเพื่อเพิ่มระดับสมาชิก (ระดับที่แทนด้วยชื่ออัญมณีต่างๆ) ซึ่งจากที่ผมเคยพูดคุยกับผู้ที่เคยเห็นสินค้า เขาบอกว่า มีน้ำผลไม้สมุนไพร ราคาขวดละ 1,300 บาท หากซื้อ 1 โหล จะได้ราคา 10,000 บาท และมีสินค้าชนิดเดียวอีกด้วย และแต่ละเดือนคนร้ายจะบังคับให้เหยื่อซื้อของอย่างนี้ไปเรื่อยๆ โดยอ้างว่าถ้าหากไม่ซื้อต่อ จะทำให้ระดับสมาชิกของเรานั้นถูกลดลงมาด้วย

ยังไม่หมดเท่านี้ ประเด็นของแก๊งค์แชร์ลูกโซ่จะต้องเพิ่มจำนวนสมาชิก เมื่อเหยื่ออยากได้เงินเยอะขึ้นจะต้องมีสมาชิก ดังนั้นเหยื่อก็จะชักชวนด้วยกระบวนการต่างๆผ่านอินเทอร์เน็ตที่กล่าวมาแล้วตอนต้น แล้วค่าสมัครสมาชิกของเหยื่อต่อจากนี้จะถูกแบ่งมาให้ผู้ชักชวน ทำให้ผู้ชักชวนยิ่งเชื่อสนิทใจมากขึ้นว่าทำแล้วได้เงินจริง ส่งผลให้ยิ่งเร่งการโฆษณาต่อไป นี่แหล่ะกระบวนการทั้งหมดของแก๊งค์แชร์ลูกโซ่

สังเกตอย่างไรว่านี่เป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่

1.ค่าสมัครสมาชิกแพง หากเป็นธุรกิจขายตรงทั่วไปค่าสมัครสมาชิกจะไม่แพง เป็นค่าเอกสารและดำเนินการเท่านั้น ซึ่งราคาเฉลี่ยนั้นจะไม่เกิน 1000 บาท (บวกลบนิดหน่อย) แต่ถ้าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่นั้นจะแพงกว่ามาก อาจจะถึง 40,000 - 50,000 บาทได้เลยทีเดียว
2.สินค้าที่ขายให้สมาชิกนั้นไม่มีคุณภาพ อ้างสรรพคุณเกินจริง ทีสำคัญแพงเกินเหตุ สินค้าที่ขายในระบบธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ส่วนใหญ่จะไม่มีคุณภาพ แต่มีการอ้างสรรพคุณมากมาย หรือแม้กระทั่งตัดต่อจากภาพรายการทีวี หรือหนังสือต่างๆ เพื่ออ้างถึงสรรพคุณ แม้ว่าในทั้งรายการโทรทัศน์นั้นจะกล่าวถึงสรรพคุณในด้านไม่ดีก็ตาม นอกจากนี้ราคาขายของสินค้ามักจะสูงเกินที่ควรจะเป็นอีกด้วย
3.เน้นหาสมาชิกใหม่มาเพิ่มเรื่อยๆ จำนวนสมาชิกต่อจากเหยื่อจะมีผลต่อผลตอบแทนของเหยื่อ ซึ่งสมาชิกใหม่นั้นถูกหลอกให้จ่ายค่าสมาชิกในราคาสูง และเงินจำนวนนั้นก็จะถูกแบ่งมาให้เหยื่อผู้ที่ชักชวนได้ ดังนั้นเหยื่อที่อยู่ในธุรกิจนี้มักจะสรรหาวิธีการต่างๆที่จะชักชวนผู้อื่นให้มาเข้าร่วมด้วย
4.ผลตอบแทนสูงเกินจริง แรงจูงใจอย่างหนึ่งของธุรกิจแชร์ลูกโซ่คือผลตอบแทนที่สูงมาก สามารถสำเร็จได้ในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามหากคิดถึงค่าสมัครสมาชิกตั้งแต่ตอนแรกก็ถือว่ายังน้อยกว่ามากนัก

สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกหลานของเราอาจตกเป็นเหยื่อ [1]

หากใครมีลูกหลานเรียนอยู่ปี 1-4 มีสัญญานเตือนดังต่อไปนี้
สัญญานเตือนที่ 1 .. อยู่ดีๆมีเรื่องใช้เงิน "ฉุกเฉิน" ประมาณ 40,000 - 50,000 บาท
สัญญานเตือนที่ 2 .. ลูกเริ่มพูดถึง "อาหารเสริม" บางอย่างรวมถึง "อยากให้ท่านได้ลองทาน" อาหารเสริมเหล่านั้น
สัญญานเตือนที่ 3 .. เริ่มพูดถึงฝันบางอย่าง .. ทำงานง่ายๆ .. เงินเยอะๆ .. มี passive income เลี้ยงตัวเอง .. รีไทร์เร็วๆ
สัญญานเตือนที่ 4 .. กลับบ้านกลับช่องดึกๆดื่นๆอย่างไม่เคยเป็นมา 
สัญญานเตือนที่ 5 .. ผลการเรียนตกลงอย่างผิดสังเกต

ทำอย่างไรเมื่อหลงเป็นเหยื่อแก๊งค์แชร์ลูกโซ่นี้แล้ว

1.แจ้งตำรวจพร้อมแสดงหลักฐานการเป็นสมาชิกและอื่นๆ
2.ยกเลิกการเป็นสมาชิก (ให้ถือคติที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย เงินที่เสียแล้วเสียไป ห่วงอนาคตของตนเองดีกว่า)
3.ถ้าบุตรหลานของท่านตกเป็นเหยื่อ ให้ปลอบใจ พร้อมกับให้ถอนตัวเสีย ห้ามดุด่า หรือต่อว่า แต่สอนให้เขาทราบถึงภัยเหล่านี้
4.แชร์ประสบการณ์แก่ผู้อื่น เพื่อเป็นอุทธาหรณ์สอนใจต่อไป

เอกสารอ้างอิง
[1] http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N12648333/N12648333.html
[2] http://www.myfirstbrain.com/main_view.aspx?ID=67085

No comments: