Sunday, August 16, 2009

เกาะแครอท (Tsuken Island)

รูปของเกาะแครอทอยู่ที่

http://foh9.multiply.com/photos/album/80/20090815_Tsuken_Island_Carrot_Island

การเข้าถึงผู้คนที่โอกินาว่าไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งเราเป็นนักเรียนต่างชาติด้วยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นคนไทย ผู้คนที่นี่ชื่นชอบประเทศไทย อาจจะเป็นเพราะมีวิวทิวทัศน์สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ อาหารอร่อย และมีค่าใช้จ่ายต่ำ เหตุผลว่าทำไมถึงเข้าถึงผู้คนที่นี่ไม่ยากก็เพราะว่า ที่โอกินาว่าจะมีชุมนุมอาสาสมัครที่จะพานักศึกษาต่างชาติไปเที่ยวในวันหยุด กล่าวคือกลุ่มคนที่นี่เขาจะรวมตัวกันในวันหยุดจัดทริปท่องเที่ยวอาจจะแบบไปเช้าเย็นกลับหรือค้างคืนก็ได้ แล้วจากนั้นเขาจะมาที่ศูนย์เพื่อประกาศว่าจะมีใครไปเที่ยวด้วยหรือไม่ แล้วก็ให้ลงชื่อ ผมมองว่าเป็นการได้ประโยชน์ทั้งคู่ อันดับแรกเลยคือนักเรียนต่างชาติได้ท่องเที่ยวในโอกินาว่าเนื่องจากที่โอกินาว่าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆนั้นค่อนข้างไกล ทำให้เวลาไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยสะดวก แถมการสื่อสารอีกก็จะยิ่งทำให้นักเรียนต่างชาตินั้นเจอปัญหาใหญ่เลยครับ ส่วนคนที่มาพาไปเที่ยวนั้นเขาก็ได้เที่ยวกับเราแน่นอน และการฝึกภาษาอังกฤษ (ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของอาสาสมัครกลุ่มนี้เลยก็ว่าได้ครับ) ผมได้ไปเที่ยวมาแล้วครับ เป็นกันเองมาก อบอุ่น และเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่เลย รายละเอียดการเดินทางดังนี้นะครับ

วันที่ 15 สิงหาคม 2552

วันนี้ตื่นเช้าตั้งแต่ตีห้าครึ่งด้วยความมึนงง น้ำมูกไหล เหมือนแพ้อากาศในตอนเช้าเหมือนทุกๆวัน จากนั้นก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อเกาะสมุย กางเกงลายดอกสีส้มแป๊ดดดดด รองเท้าแตะคีบสีแดงแรงฤทธิ์ พร้อมด้วยเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีเขียวขี้ม้า มีกระเป๋าเสื้อสองฝั่งเอาไว้ใส่ของเล็กน้อย (แต่งตัวแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้นะครับว่าไปไหน เอิ๊กๆๆ เที่ยวทะเลนั่นเอง) จากนั้นก็จัดกระเป๋า ขนอาวุธชุดใหญ่ไปด้วย อันได้แก่ กล้อง D80 พร้อมกริป ติดกับเลนส์ Tarom 17-50 mm F/2.8 เลนส์อีกตัวเป็น 70-200 mm F/2.8 (เอาไว้เก็บของฝากไปฝากเพื่อนที่เมืองไทย เอิ๊กๆๆ) แฟลช SB800 และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือฟิลเตอร์ CPL จากนั้นเมื่อจัดกระเป๋ากล้องเสร็จลงไปรอกินข้าวเช้ากับก๊วนคนไทยที่นี่อันประกอบด้วย พี่บิ๊ก พี่น้อง และพี่่อุ พวกเรากินข้าวเช้ากันที่ Dining Hall ตอน 7.30 น. แล้วก็ออกเดินทางตอน 7.45 น. โดยเริ่มต้นจากหน้า Front B รถที่ผมไปด้วยนั้นเป็นของครอบครัวคนโอกินาว่าเล็กๆ ที่มีพ่อบ้านชื่อมาซารุซัง ลักษณะสูงประมาณ 175 ซม. ใส่แว่นตา บุคลิกขรึมๆ หรืออายก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาไม่ค่อยพูดอังกฤษกับพวกผม และแม่บ้านชื่อมายูมิซัง บุคลิกไม่สูง อวบๆนิด อารมณ์ดี เขาต้องการฝึกภาษาอังกฤษมากเลยเข้าร่วมกลุ่มนี้ บนรถเขาพยายามจะสื่อสารกับผมด้วยภาษาอังกฤษซึ่งก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็เหมือนกับตอนผมฝึกภาษาเหมือนกัน ก็อาศัยมั่วและพยายามอธิบาย พอมาถึงที่ท่าเรือก็จะเห็นคุณยูเมะโกะ (พี่บิ๊กและพี่น้อง พาเรียกกันว่าคุณป้านักกีฬา หรือไม่ก็คุณป้าอดิดาส เนื่องจากป้าแกแต่งตัวชุดออกกำลังกายเสมอ ไม่รู้ว่าเป็นพรีเซ้นเตอร์ของอดิดาสด้วยหรือไม่ ถึงแต่งตัวด้วยชุดอดิดาส) ซึ่งเธอมาพร้อมด้วยหลานชายสองคนตัวเล็กๆรออยู่แล้ว เช้าวันนี้เป็นวันที่สวยงามมากฟ้าเปิดเป็นใจให้กับการถ่ายรูปของผม ผมจึงงัดอาวุธคู่กายพร้อมเปลี่ยนฟิลเตอร์ให้เป็น CPL ซะ พร้อมสอยรูปอาคารที่มีฉากหลังฟ้าเข้มๆ จากนั้นก็รอสมาชิกคนอื่นๆ ประกอบด้วย พี่บิ๊ก พี่น้อง เลสลี่ เดวิด และเฮนรี่ ซึ่งกระจายๆกลุ่มกันมากับครอบครัวต่างๆที่เป็นกลุ่มอาสาสมัคร พร้อมมากันครบก็ประมาณเก้าโมงกว่าๆ เราก็ออกเดินทางด้วยเรือ ไปยังเกาะ Tsuken ซึ่งเกาะนี้ปลูกแครอทเยอะ จึงมีอีกชื่อว่า เกาะแครรอท (Carrot Island) (ตรูข้ามน้ำข้ามทะเลมาดูแครอทเหรอเนี่ย.....) พอมาถึงเกาะก็ต้องนั่งรถต่อไปอิกด้วยรถบัสจากท่าเรือไปฝั่งที่มีชายหาด ชายหาดที่นี่นั้นเป็นทรายหยาบๆ สลับกับโขดหิน พร้อมด้วยเศษประการัง ถอดรองเท้าเดินก็ได้เจ็บแน่นอนครับ เขาบอกว่าชายหาดที่นี่สวยมาก (แต่ผมว่าเมืองไทยสวยกว่าเยอะครับ) จากนั้นตอน 11 โมง เราก็เริ่มทำอาหารกินกัน โดยมีกะทะเทปันมาให้ ก็เอาไก่ เนื้อ หมู ไปวาง โดยผมเป็นพ่อครัว ฮ่าๆๆ จัดไปดอกแรก ก็ไม่ได้ทำไรมากนอกจากแค่จับพลิกด้านไม่ให้ไหม้ (มันยากตรงไหนฟะเนี่ย) พอกินเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปเล่นน้ำ หรือพักผ่อนกันตามสบาย โดยผมแน่นอนครับว่าต้องทำภารกิจที่เพื่อนที่เมืองไทยสั่งนักย้ำหนาว่าถ่ายรูปสาวญี่ปุ่นในชุดบีกินี่ ผมก็เลยเปลี่ยนเลนส์เลยครับ ตั้งป้อมจากระยะไกล สอยมาพอหอมปากหอมคอ เนื่องจากไม่ค่อยมีสาว มีแต่คนมีอายุ ฮ่าๆๆ แอบเซ็งเล็กน้อย แต่ยังไงก็พอมีให้ได้ตื่นเต้นบ้าง อิอิ จากนั้นตอนบ่ายโมงกว่าทางกลุ่มอาสาสมัครนั้นก็จัดกิจกรรมให้เล่นนั่นก็คือ ปิดตาตีแตงโม (เหมือนปิดตาตีหม้อที่บ้านเรานั่นแหล่ะครับ) อิอิ แตงโมแตกกินแตงโมหมดแล้วก็ชักภาพหมู่ร่วมกันแล้วก็เล่นน้ำกันอีกนิดหน่อย ส่วนผมก็หนีต่อไปซุ่มต่อครับ อิอิ งานด่วนภารกิจหลัก จากนั้นก็เดินทางกลับตอนบ่ายสามโมงครึ่ง แล้วก็นั่งเรือข้ามกลับมาแล้วก็ขึ้นรถกลับหอที่ศูนย์ พอถึงศูนย์ผมก็ไม่ไหว ขึ้นห้องอาบน้ำกินยาแล้วก็นอน เพราะเหมือนไข้จะขึ้นหน่ะครับ ต้องรักษาตัวให้หาย เพราะพรุ่งนี้จะไปปราสาทชูริ ฮ่าๆๆ กลัวไม่ได้เที่ยว เอาไว้เด๋วมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ อิอิ

 

6 comments:

PaHn Pintu-on said...

จาดูรูปอ่ะๆๆๆๆๆ

wanwisa srinuanchai said...

คนป่วย...จิงๆป่ะเนี้ย เหอๆ

Nai Piyanai said...

มารอดูรูป

อิจฉาคนได้เที่ยวต่างประเทศ

r s said...

ผ่านวันสนุก ๆ ไปอีก หนึ่งวัน
ไปดูรุปดีก่า

Looggaeo Chaichoosorn said...

รอดูรูปเน่อ

Waanmeemi ^_^ said...

น่าสนุกจัง
ไงจะรอดูรูปนะคะพี่