22 สิงหาคม 2552
วันนี้พี่น้องตั้งใจอยากไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะของที่นี่มานานแล้ว แล้วสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์สุดท้ายของพี่น้องและพี่บิ๊กในโอกินาว่า ดังนั้นพี่น้องจึงชวนไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเมืองนี้ ด้วยความอาร์ตเข้าแทรกจึงตกลงไปอย่างง่ายดาย ในทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทางอยู่สามคน คือผม พี่น้อง และพี่อุ ส่วนพี่บิ๊กขอบายในวันนี้ ออกเดินทางตอนประมาณ 9.30 น. ออกจากโรงอาหารของ OIC แล้วออกไปทางฟร้อนต์เอ เดินประมาณสองกิโลเมตรก็ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะดังกล่าว พิพิธภัณฑ์นี้จะประกอบไปด้วยอาคารแสดงผลงานและหอคอย
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่โชคดีเนื่องจากมีการจัดงานแสดงผลงานของอ.คิโยชิ นากาชิมา (Kiyoshi Nakashima) ตอนแรกผมก็ไม่รู้จักหรอกครับ แต่เมื่อได้ดูผลงานของเขาแล้วก็ทำให้รู้ว่าเราเห็นภาพเหล่านี้มาบ้างแล้ว ตามปกสมุดหรือกล่องดินสอ หรือเครื่องเขียนต่างๆในประเทศไทย รวมไปถึงจิ๊กซอวส์เองก็ตาม
ผลงานของอ.คิโยชิ นั้นส่วนใหญ่เป็นภาพการ์ตูนเด็กชนบทของญี่ปุ่น ที่อยู่ยุคของสงคราม เด็กเหล่านี้ยากจน (เสื้อผ้าขาด) แต่ยังต้องเจอภัยของสงครามด้วย ตัวการ์ตูนนั้นเหมือนๆกันแต่จุดเด่นของผลงานศิลปะของอ.ท่านนี้อาจจะเป็นฉากหลังที่มีสีสรร ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างน่าประทับใจ อารมณ์ของภาพเหมือนพยายามจะสื่อว่าเด็กกลุ่มนี้ถึงแม้จะเกิดมาท่ามกลางสงคราม แต่ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เท่าที่ผมสังเกตดูนะครับ เด็กๆในภาพมีหน้าเหมือนกันทุกภาพเลย ก็คือเด็กจะไม่ยิ้มแย้ม จะทำหน้าเศร้า ถึงแม้ว่าจะเล่นอยู่กับเพื่อนๆอยู่ก็ตาม ความรู้สึกเมื่อผมดูภาพเหล่านี้แล้วเหมือนเด็กๆเหล่านี้กำลังรอคอยใครสักคนอยู่ อาจจะรอพ่อแม่กลับมาจากไปทำงาน หรือกลับมาจากสนามรบก็ได้ เด็กเหล่านี้รอคอยอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
ภาพที่ผมชอบมากที่สุด เป็นภาพของเด็กกำลังถูกตัดผมด้วยบัตตาเลี่ยนมือหนีบ (เนื่องจากผมไม่สามารถถ่ายรูปในห้องแสดงผลงานได้ จึงไม่ได้เอารูปมาฝาก) ภาพนี้เป็นภาพขาวดำ มีเด็กสามคนอยู่ในชุดเหมือนชุดนักเรียน โดยมีเด็กคนนึงตัดผมให้เด็กคนที่สองอยู่ใต้ต้นไม้ (ให้นึกถึงภาพบาร์เบอร์ที่อยู่ใต้ต้นไม้ ตามต่างจังหวัด) และมีเด็กอีกคนนึงนั่งรออยู่ข้างๆ เหมือนกำลังนั่งรอคิวที่จะได้ตัดต่อไป สายลมอ่อนๆพัดมาขณะตัดผมทำให้เศษเส้นผมปลิวตามสายลม (อ.ท่านนี้เขาน่าจะใช้เศษเส้นผมจริงๆโรยในภาพ เพราะผมดูแล้วมันละเอียดเกินกว่าจะใช้ดินสอวาดได้) เด็กที่ถูกตัดผมในภาพนั้นคงจะเจ็บน่าดูเลยครับ เพราะว่าเด็กคนนั้นทำหน้าเบแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ถูกบัตตาเลี่ยนหนีบผมออกทีละกระจุก องค์ประกอบต่างๆรวมทั้งอารมณ์ของภาพและตัวละครในภาพนั้นทำให้ผมรู้สึกประทับใจอย่างมาก
หลังจากที่ผมออกมาจากหอแสดงผลงานแล้วก็ขึ้นไปบนหอคอยข้างๆ และถ่ายรูปจากมุมบนบ้าง ได้รูปสวยพอประมาณ จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปทานอาหารกลางวัน
หลังจากลงมาจากหอคอยก็ส่องรูปตัวเองสักหน่อย เด๋วจะหาว่าไม่ได้มา โดยให้พี่น้องส่องให้ ก็ได้ภาพอย่างที่เห็น อ้วนหว่ะ ดำอีก (เฮ้อ... อ้วนดำ เครียดดด)
อาหารเที่ยงที่พี่น้องพาไปนานนั้น ต้องเดินต่อไปทางทะเลอีกประมาณยี่สิบนาที แดดร้อนได้ใจมาก แสบผิวไปหมด (มันจะไม่ดำได้ไงเนี่ย) ก็มาถึงร้านสเต็ก Four Season ลักษณะในร้านนั้นเป็นลูกค้าที่นั่งกินจะเชฟประจำแต่ละโต๊ะ มาปรุงอาหารให้ดูอยู่ตรงหน้าเลย แถมมีควงโชว์นิดหน่อย เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เมนูแรกที่เสริฟก็จะเป็นซุป และสลัด จากนั้นเชฟก็จะมาทำขนมปังอุ่นพร้อมกับปรุงสเต็กตามที่เราสั่งไปอยู่หน้าเราเลย แล้วเสริฟตรงนั้นเลย หลังจากสเต็กหมด ก็จะตามด้วยสปาเก็ตตี้ และตบท้ายด้วยกาแฟเย็น ราคาทั้งหมดของผมก็ประมาณ 1200 เยน ถือว่าถูกมากกับรสชาติและปริมาณอาหารที่ได้รับ
กำหนดการในช่วงเช้าก็หมดแล้ว หลังจาก enjoy กับอาหารนี้แล้วเราก็กลับ OIC โดยแท๊กซี่ แล้วก็รอสี่โมงเย็น ซึ่งคุณมายูมิ และคุณมาซารุ เขาจะมารับพวกเราไปทำอาหารไทยที่บ้าน แซ่บเลยครับ กว่าจะกลับมาถึง OIC ก็ห้าทุ่มกว่า เมื่อคืนเลยไม่มีแรงเขียนบล็อก เลยเขียนวันนี้เลย อิอิ
ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ http://foh9.multiply.com/photos/album/83/
14 comments:
อ้วน..ดำ...จริงๆ เอิ๊กๆๆ
เหอๆๆ ไม่ดำหรอกจ้า หุ่นบึ๊กกำลังดี ใช้ได้ๆ
พุงป่อง
ใช้ไปแบกข้าวสารหน่ะสิ เหอๆ
เที่ยวแท้ เพื่อนตู
อิจฉาๆ.................เที่ยวได้อีก
ว้าว...
มาเรียน ไม่ได้มาเที่ยว
ได้เรียน และก้อได้เที่ยวด้วย
อิจฉาที่ซูดดดดดดดดดดด
แถมได้ความอ้วนเพิ่มกลับไปอีกตะหาก งิงิ
อ้วนอะ....ได้เที่ยวเยอะจัง....คิคิ
เที่ยวตล๊อดดดดดดดด
ปล. มาเรียนนะจ๊ะ มิได้มาเที่ยว เอิ๊กๆๆ
ภาพวาดสวยจัง
Kiyoshi Nakashima <<< จะพยายามจำชื่อนี้ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลค่า
Post a Comment